ติดต่อเรา
×
รายละเอียดผู้ติดต่อ
ห้องนอน
สตูดิโอ
1
2
3
4+
Size [sqm]
min
 
max
Price [฿]
min
 
max
Price [฿]
min
 
max
ติดต่อและเยี่ยมชม Facebook ของเรา
เข้าร่วมติดต่อและเยี่ยมชม PropertySights ของเราบน Facebook! รับสิทธิ์เข้าถึงรายการใหม่ก่อนใคร ทั้งติดต่อขอคําแนะนําจากผู้เชี่ยวชาญ ข้อมูลเชิงลึกของตลาด และเชื่อมต่อกับผู้ที่ชื่นชอบ นอกจากนี้ เรามีสิทธิพิเศษมอบให้สําหรับสมาชิกเท่านั้นอีกด้วย
propertysights.realestate
ถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยผ่านวีซ่าการลงทุนและวิธีการขอวีซ่า
ข้อมูลเพิ่มเติม

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 – จุดแข็ง จุดอ่อน และความคาดหวัง

เศรษฐกิจไทยได้พิสูจน์แล้วว่ามีความยืดหยุ่นมาโดยตลอด ได้รับแรงหนุนจากภาคการส่งออก จำนวนนักท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ และนโยบายการเงินการคลังที่รัดกุม มาเรียนรู้เกี่ยวกับจุดแข็ง จุดอ่อน และความคาดหวังของเศรษฐกิจไทยได้ในบทความนี้ โดย PropertySights Real Estate
ประกาศ: พฤษภาคม 28, 2024    
อัพเดท: กรกฎาคม 25, 2024
แชร์บทความ:

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย

เศรษฐกิจของประเทศไทย ขึ้นชื่อเรื่องการท่องเที่ยวมาช้านานในปี 2565 รายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 18% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งเกิดจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 11.5 ล้านคนที่เดินทางมาเยือนเมืองไทย ก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤตโควิด-19 ในปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวสูงถึงราว 40 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2553 ที่มีนักท่องเที่ยว 15.5 ล้านคน โดยเฉลี่ยแล้วจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นปีละ 2.66 ล้านคน

แม้ว่าการท่องเที่ยวจะสร้างรายได้มหาศาล แต่เศรษฐกิจไทยกลับ พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักโดยในปี 2564 การส่งออกคิดเป็นสัดส่วนถึง 58% ของ GDP สินค้าส่งออกส่วนใหญ่ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้สำนักงาน ยานยนต์และชิ้นส่วน ยางพารา อัญมณี อาหารทะเล และข้าว โดยประเทศคู่ค้าหลัก ๆ ของไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น

ปัจจุบัน สยามเมืองยิ้มมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองรองจากอินโดนีเซียในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN) และมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงในระดับโลก โดย เศรษฐกิจไทยติดอันดับที่ 30 เมื่อเทียบจาก GDP- นอมินัล (nominal GDP). Using Purchasing Power Parity, Thailand is ranked 23rd.

ด้วยศักยภาพที่โดดเด่นนี้ ทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับในเรื่องความน่าเชื่อถือ ไม่เพียงแต่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น แต่ยังเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอีกด้วย

ตัวเลขเศรษฐกิจและภาวะการเงินไทยปี 2567

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะ เติบโตในช่วง 2.5-3% ในปี 2567 เทียบกับการเติบโต 2.5% ในปี 2566 เมื่อคำนึงถึงโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล ตามรายงานของธนาคารโลก GDP ในปี 2567 อาจเติบโตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3.8

ธปท. กำลังบริหารจัดการสภาวะการเงินที่มีเสถียรภาพในประเทศอย่างระมัดระวัง เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.5 ทั้งนี้เนื่องจากรายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อบางช่วงของปี 2567

เนื่องจากนโยบายของ ธปท. ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งในไทย จะยังคงปล่อยสินเชื่อด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงพอสมควร ขณะที่คาดว่าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2 ในปี 2567 และร้อยละ 1.9 ในปี 2568 การรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังส่งผลให้ประมาณการ GDP ลดลงจากเดิมร้อยละ 3.2 เป็นร้อยละ 2.5-3 ในปัจจุบัน

ต่อไปนี้เป็นตัวเลขเพิ่มเติมที่อธิบายถึงสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย

  • มูลค่าการส่งออก 285 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 โดยปีนั้นเกินดุลการค้าถึง 33 พันล้านดอลลาร์
  • การค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในปี 2561 มีมูลค่ารวม 44.5 พันล้านดอลลาร์ โดย 31.9 พันล้านดอลลาร์เป็นการส่งออกของไทย
  • ในปี 2564 การส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 45.3 พันล้านดอลลาร์ ส่วนการส่งออกไปจีนและญี่ปุ่นในปีนั้นอยู่ที่ 37.7 พันล้านดอลลาร์ และ 25.1 พันล้านดอลลาร์ ตามลำดับ
  • สินค้านำเข้าอันดับหนึ่งของไทยคือน้ำมันดิบ มูลค่ารวม 20.1 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2564
  • สินค้านำเข้าอันดับสองคือวงจรรวม ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรกล มูลค่ารวม 11.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2564

จุดแข็งและข้อได้เปรียบของเศรษฐกิจไทย

จุดแข็งหลักของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ การส่งออก, which make up the majority of the country’s GDP. Like many of the other “tiger cub” economies of Southeast Asia, Thailand grew rapidly in the late 20th century thanks to trade, largely automotive and now also computer hard discs.

นอกจากนั้น รัฐบาลไทยยังลงทุนทรัพยากรใน การพัฒนาเทคโนโลยีโดยคาดว่าตลาดศูนย์ข้อมูลจะมีมูลค่าถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2571 ซึ่งช่วยดึงดูดธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Google และ Amazon

อีกหนึ่งข้อได้เปรียบทางเศรษฐกิจของไทยอีกประการหนึ่งคือ คือ ทำเลที่ตั้งในเขตร้อนที่สวยงาม ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยว และเม็ดเงินของพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สภาพภูมิอากาศนี้ยังส่งผลให้ภาคเกษตรกรรมแข็งแกร่ง ช่วยให้ประเทศมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 และ 2551 รวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19

ท้ายที่สุด เงินบาทไทยได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเศรษฐกิจไทย โดยทรงตัวเทียบกับดอลลาร์สหรัฐได้ดีกว่าประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ซึ่งทำให้หนังสือพิมพ์ Financial Times ขนานนามเงินบาทว่าเป็น"สกุลเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก".”

จุดอ่อนและข้อบกพร่องของเศรษฐกิจไทย

จุดอ่อนและข้อบกพร่องหลักที่รบกวนเศรษฐกิจไทยมาหลายปี ได้แก่ ความไม่สงบทางการเมือง ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และความเปราะบางต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย.

ประเทศไทยประสบกับรัฐประหารหลายครั้งในประวัติศาสตร์ โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2557 ความพยายามแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ส่งผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจ

ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น สึนามิมหาสมุทรอินเดียในปี 2547 (คิดเป็นมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรืออุทกภัยในปี 2554 (46,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหนักเช่นกัน ในฐานะประเทศที่มีพื้นที่ต่ำและชายฝั่งทะเล ไทยจึงมีความเสี่ยงสูงต่อเหตุการณ์เหล่านี้ และอาจแย่ลงเมื่อเกิดภาวะโลกร้อน นั่นเป็นเหตุผลที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2608 ที่ท้าทาย

สุดท้าย การพึ่งพาการส่งออกของไทย มีความเปราะบางต่อวิกฤตเศรษฐกิจมากขึ้นรูปแบบเศรษฐกิจเช่นนี้อาจส่งผลเสียอื่นๆ ได้ด้วย เช่น ความเป็นอยู่ที่ไม่ดีของมนุษย์ ค่าแรงต่ำ และอัตราแลกเปลี่ยนที่ซับซ้อน

ความหลากหลายของเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างไร

เศรษฐกิจไทยมีความหลากหลายมาก โดยในปี 2564 ภาคบริการคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 56 ภาคอุตสาหกรรมร้อยละ 35 และภาคเกษตรกรรมร้อยละ 9 ของ GDP

ภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เน้นไปที่ การผลิตยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ของสินค้าหลายประเภท เช่น รถยนต์ ฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้สำนักงาน อัญมณีเป็นอีกหนึ่งหมวดหมู่ย่อยของอุตสาหกรรมการผลิต โดยมีมูลค่าการส่งออกรวม 15,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562

ภายในภาคบริการประเทศไทยมีธนาคารจำนวนมาก ภาคค้าปลีกที่เฟื่องฟูโดยมีตลาดดั้งเดิมและ ห้างสรรพสินค้ามากมายเป็นหลัก และการท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ

หมวดหมู่ย่อยของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคือ การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากประเทศไทยมี โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ จำนวนมาก ตั้งแต่ปี 2560-2564 โรงพยาบาลเอกชนในประเทศมีกำไรเติบโตร้อยละ 7.7 ต่อปี โดยโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ คิดเป็นร้อยละ 80 ของรายได้รวมของเอกชน โรงพยาบาลเหล่านี้มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านการบริการและการดูแล และดึงดูดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เช่น ศัลยกรรมตกแต่ง มะเร็งวิทยา อายุรกรรม และอื่นๆ

To further expand the scope of the Thai economy, the government has put forward a “Thailand 4.0” project which aims to increase development of 21st century technologies like robotics, medical innovations, and digital industries in the Land of Smiles.

เศรษฐกิจไทยในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา

ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยผ่านความท้าทายอย่างมากมาย แต่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่ง ทั้งๆ ที่เผชิญกับความยากลำบาก สิ่งนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ด้วยการเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจ อันเป็นผลมาจากการส่งออกและการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น

ในปี 2540 ปัจจัยหลายประการ ทั้งการเก็งกำไรจากต่างชาติ การกู้ยืมเงินต่างประเทศของธนาคารโดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์ และการลดค่าเงินบาท ได้จุดชนวน วิกฤตการเงินเอเชียประเทศไทยไม่เห็นการเติบโตของ GDP ในเชิงบวกอีกเลยจนกระทั่งถึงปี 2542 (1999) อันเนื่องมาจากนโยบายการเงินที่เข้มงวด

หลังจากวิกฤตการเงินเอเชีย ประเทศเขตร้อนแห่งนี้ก็มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากการส่งออกที่ยังคงดำเนินต่อไปและเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่เติบโต การเฟื่องฟูของการท่องเที่ยวนี้ดำเนินต่อไปจนผ่านพ้นวิกฤตการเงินปี 2551 โดยเติบโตอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเกิดการระบาดของโควิดในปี 2563

หลังจากผ่านพ้นช่วงการระบาดมา ประเทศไทยก็กลับมาแสดงถึงการเติบโตในเชิงบวกอีกครั้ง โดยมีจีดีพีในปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 2.5

การเติบโตในอนาคตของเศรษฐกิจไทย

คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 2.5-3% in 2024 และร้อยละ 3.8 ตามการคาดการณ์ของธนาคารโลก หากนับรวมประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจาก ระบบกระเป๋าเงินดิจิทัลใหม่. This is up from 2.5% in 2023. In 2025, there will be an estimated 3.1% growth for the economy ranked 30th globally by GDP.

นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้เสนอระบบกระเป๋าเงินดิจิทัลในปี 2566 และเดิมกำหนดให้เริ่มใช้งานในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 แต่ก็เลื่อนไปเป็นเดือนพฤษภาคม โครงการนี้มีเป้าหมายที่จะให้เงิน 10,000 บาทแก่ประชาชนไทยที่มีรายได้ต่ำกว่า 70,000 บาทต่อเดือนหรือมีเงินออมน้อยกว่า 500,000 บาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 50 ล้านคนจากประชากรทั้งประเทศ

เงินจะถูกแจกจ่ายในรูปแบบบล็อกเชนผ่านแอปชำระเงินที่เรียกว่า เป๋าตัง และมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการชำระเงินแบบดิจิทัลในประเทศไทย เงินสดที่ได้รับต้องถูกใช้ไปภายในเขตเลือกตั้งของผู้รับภายใน 6 เดือนนับจากที่ได้รับ สำหรับซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร หรือเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ กระแสเงินสดที่เพิ่มเติมนี้จะคิดเป็นประมาณร้อยละ 3 ของ GDP

การเติบโตที่คาดว่าจะเพิ่มเติมในปี 2567 ส่วนใหญ่มาจากการกลับสู่ระดับการท่องเที่ยวปกติ เนื่องจากประเทศไทยยังไม่ได้กลับไปถึงระดับรายได้จากการท่องเที่ยวก่อนเกิดโรคระบาด (28.2 ล้านนักท่องเที่ยวในปี 2565)

หนึ่งใน ความท้าทายที่ประเทศไทยอาจเผชิญ ในระยะใกล้เกี่ยวข้องกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันที่สูง เนื่องจากประเทศเขตร้อนนำเข้าพลังงานจำนวนมาก ส่วนเรื่องการกำหนดราคาคาร์บอนก็เป็นอีกเครื่องหมายคำถามหนึ่ง เพราะไทยมุ่งที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 30-40 ภายในปี 2573 และให้เป็นศูนย์สุทธิภายในปี 2608

การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในอนาคตผ่านยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0

รัฐบาลวางแผนที่จะกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในอนาคตผ่านยุทธศาสตร์ "ไทยแลนด์ 4.0" ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อ ปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจให้มุ่งเน้นเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นขึ้น เหตุผลที่ใช้ชื่อ "4.0" เป็นเพราะการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมจะเป็นระยะที่ 4 ของการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจในประวัติศาสตร์ โดยสามยุคเศรษฐกิจไทยก่อนหน้านี้มีลักษณะเด่นคือการเติบโตในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรมเบา และอุตสาหกรรมหนัก

รัฐบาลเสนอ โครงการสมาร์ทวีซ่า (SMART Visa) มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดบุคลากรทักษะสูงโดยต้องมีวุฒิการศึกษาอย่างน้อยปริญญาตรี และมีทักษะด้านอาชีวะ อุตสาหกรรมเฉพาะที่ไทยแลนด์ 4.0 เน้นเป้าหมายไว้ ได้แก่

  • เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ
  • ธุรกิจด้านดิจิทัล
  • การแพทย์
  • ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์
  • การบินและโลจิสติกส์
  • การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ
  • อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ
  • การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ระดับไฮเอนด์
  • ยานยนต์รุ่นก้าวหน้า
  • อาหารอนาคต

ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เป็นพื้นที่หลักที่วางแผนไว้สำหรับการเติบโตนี้ รัฐบาลกำลังลงทุนรวม 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงปี 2562-2568 เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ดังกล่าว สร้างสนามบินนานาชาติแห่งที่สาม ทางหลวงหลายสาย และทางรถไฟ

รัฐบาลกำลังนำสิ่งจูงใจต่างๆ มาใช้เพื่อดึงดูดการลงทุน รวมถึงการอำนวยความสะดวกในสิทธิการถือครองที่ดิน และการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี นโยบายไทยแลนด์ 4.0 จะผ่อนคลายกฎระเบียบเกี่ยวกับบริษัทต่างชาติด้วย โดยอนุญาตให้ต่างชาติเป็นเจ้าของได้ 100% ไม่มีข้อกำหนดเรื่องการส่งออก และไม่มีข้อจำกัดเรื่องเงินตราต่างประเทศ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย

เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งแค่ไหน

เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งมาก โดยมี GDP ใหญ่เป็นอันดับสองในบรรดาประเทศอาเซียน มีอัตราการ ว่างงานต่ำที่สุดในโลกอยู่ที่ร้อยละ 1และมีค่าเงินที่แข็งแกร่งพร้อมอัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำ ตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2565 ไทยมีอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคเฉลี่ยร้อยละ 1.2 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ร้อยละ 2.1 เกือบหนึ่งจุดเต็ม

อันดับของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 เป็นอย่างไร

อันดับของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 คือ 30- หรือลำดับที่ 30 ของโลกตาม GDP นอมินัล, based on numbers from the end of 2023. Thailand is ranked 23rd globally when using Purchasing Power Parity which reflects the cost of living.

อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2566 คือเท่าไร

อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2566 คือ ร้อยละ 2.5

GDP ของไทยในปี 2566 คือท่าไร

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินมูลค่าเศรษฐกิจไทยไว้ที่ 512.19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ ปี 2566.

สกุลเงินของประเทศไทยคืออะไร

สกุลเงินของประเทศไทยคือ บาท หรือไทยบาทโดยแต่ละบาทแบ่งออกเป็น 100 สตางค์ มีเหรียญบาท 4 ชนิด (1, 2, 5 และ 10) ธนบัตร 5 ชนิด (20, 50, 100, 500 และ 1,000) และเหรียญสตางค์ 5 ชนิด (1, 5, 10, 25 และ 50)

thai-banknotes

ด้วยเศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นตัว นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ติดต่อ บริษัท PropertySights Real Estate วันนี้ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาตซึ่งพร้อมให้ความช่วยเหลือ

ทีมบรรณาธิการ
ทีมบรรณาธิการของ PSRE ประกอบด้วยนักเขียน บรรณาธิการ และนักวิจัยมืออาชีพที่คอยตรวจสอบข้อเท็จจริงและเนื้อหาที่มีคุณภาพ เป้าหมายหลักคือการได้รับข้อมูลที่ถูกต้องบนหน้าเว็บสำหรับคุณซึ่งเป็นผู้อ่านเสมอ ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ มีหลายสิ่งที่ต้องดำเนินการ แต่ความหวังของทีมบรรณาธิการคือการทำให้ง่ายขึ้น เพื่อที่คุณจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนของคุณ
แชร์บทความ:

ย่านอสังหาริมทรัพย์ของเรา ตามภูมิภาคต่างๆในกรุงเทพฯ พร้อมด้วยคุณลักษณะของแต่ละย่าน

กดติดตามเพื่อรับข่าวสารจากเรา
ค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนออสังหาริมทรัพย์ใหม่ล่าสุด
Scan this QR code or
add our line id: sing2022
thไทย