ไม่ว่าคุณจะเก็บออมเงินหรือใช้เพื่อจ่ายค่างวดบ้าน คุณต้องเปิดบัญชีกับธนาคารในเมืองไทย ซึ่งมีตัวเลือกมากมายที่ซึ่งเป็นธนาคารที่อยู่ภายใต้การกํากับดูแลอย่างเข้มงวด โดยธนาคาร 6 อันดับแรกที่ครองส่วนแบ่งตลาด 80% ของสินทรัพย์ภาคธนาคารไทย ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารยูโอบี ธนาคารซีไอเอ็มบี และธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับธนาคารในประเทศไทย
รัฐบาลไทยได้จัดตั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ซึ่งทําหน้าที่เป็นธนาคารกลางในปีพ.ศ. 2485 นับตั้งแต่นั้นมา ธปท. กํากับดูแลสถาบันการเงินทั้งหมดภายในประเทศตามมาตรา 8 ข้อ 7 แห่งพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2561 เมื่อเดือนเมษายน 2566 สินทรัพย์รวมของธนาคารกลางมีมูลค่าประมาณ 700,000 ล้านบาท
ภายใต้การกํากับดูแลของธนาคารกลาง ประเทศไทย มีระบบและบริการทางการเงินที่มั่นคงเป็นจํานวนมาก รวมถึงธนาคารพาณิชย์และธนาคารรายย่อยชั้นนําต่างๆ เนื่องจาก ธปท. มุ่งมั่นสู่การเป็นธนาคารในศตวรรษที่ 21 ธนาคารส่วนใหญ่ในประเทศไทยจึงมีบริการดิจิทัลแบงก์กิ้งและแอปพลิเคชันมือถือ
โดยมีบริการที่สำคัญบางส่วน ดังนี้
- แพลตฟอร์มระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลแห่งชาติ (NDID) เป็นระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนที่ปลอดภัยสูงสําหรับบุคคลสัญชาติไทย
- วิธีการจ่ายบิลและโอนเงิน
- การซื้อประกันออนไลน์
- บัญชีการลงทุน
- การจัดการสินเชื่อ
- สินเชื่อบ้าน (จํานอง)
เมื่อเปิดบัญชีธนาคารในประเทศไทย มีประเภทบัญชีให้เลือก 4 ประเภท ได้แก่
- ออมทรัพย์
- กระแสรายวัน
- ฝากประจำ
- เงินตราต่างประเทศ
ธนาคารชั้นนำ 10 อันดับของประเทศไทย
1. ธนาคารกรุงเทพ
ก่อตั้งในปี 2487
มีสินทรัพย์รวม 129,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มีสาขาในประเทศ 1,167 แห่ง
ธนาคารกรุงเทพเป็น ธนาคารชั้นนําของไทยด้านขนาดสินทรัพย์ สาขาต่างประเทศกว่า 300 แห่ง ทําให้เป็นธนาคารอันดับ 6 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารกรุงเทพให้บริการทางการเงินส่วนบุคคลและธุรกิจ รวมถึงสินเชื่อบุคคลและบ้าน
นอกจากนี้ ธนาคารกรุงเทพยังให้บริการอื่นๆ อาทิ
- ดิจิทัลแบงก์กิ้ง
- การจัดการธุรกิจ
- ธนาคารการลงทุน
- ประกันและแผนสินเชื่อหลากหลายประเภท
ธนาคารกสิกรไทย
ก่อตั้งในปี 2488
มีสินทรัพย์รวม 120,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มีสาขาในประเทศ 887 แห่ง
ธนาคารกสิกรไทยเป็นอันดับสองรองจากธนาคารกรุงเทพเพียงเล็กน้อยในด้านขนาดสินทรัพย์ ก่อตั้งขึ้นในชื่อธนาคารเกษตรกรไทย เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบัน เจริญเติบโตเป็นธนาคารชั้นนําของประเทศมีบริการต่างๆ อาทิ
- บัตรเครดิตและบัตรเดบิต
- โอนเงินระหว่างประเทศ
- ดิจิทัลแบงก์กิ้ง
- ประกันและแผนสินเชื่อหลากหลายประเภท
3. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
ก่อตั้งในปี 2450
มีสินทรัพย์รวม 97,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มีสาขากว่า 1,100 แห่ง
ธนาคารไทยพาณิชย์ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ ก่อตั้งขึ้นเป็นธนาคารแห่งแรกของประเทศไทยและยังคงเป็นธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์สูงสุดแห่งหนึ่ง มีบริการครอบคลุมทั้งลูกค้าบุคคลและธุรกิจ เช่น
- สินเชื่อบ้าน
- สินเชื่อส่วนบุคคล
- บัตรเครดิต
- แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
- โอนเงินระหว่างประเทศ
4. ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
ก่อตั้งในปี 2541
มีสินทรัพย์รวม 15,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มีสาขาในประเทศ 53 แห่ง
ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 2541 จากการควบรวมกิจการของสถาบันการเงิน 14 แห่ง หลังวิกฤติการณ์ทางการเงินเอเชียปี 2540 ตั้งแต่ปี 2552 ซีไอเอ็มบี กลุ่มธนาคารชั้นนําของมาเลเซียเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยให้บริการทางการเงินหลากหลาย อาทิ
- ธนาคารบุคคลและธนาคารธุรกิจ
- ประกันชีวิต
- สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่ออเนกประสงค์ และสินเชื่อบ้าน
- แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
- บัตรเดบิตไทย
5. ธนาคารยูโอบี (UOB)
ก่อตั้งในปี 2542
มีสินทรัพย์รวม 23,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2565)
มีสาขาในประเทศ 155 แห่ง
ธนาคารยูโอบี เริ่มก่อตั้งในสิงคโปร์ในปี 2478 ในนาม ธนาคารยูไนเต็ดจีน เริ่มเปิดดําเนินการอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในปี 2542 ให้บริการลูกค้าธุรกิจและธนาคารระหว่างประเทศ
ยูโอบีเป็นธนาคารที่ให้สินเชื่อบ้านในประเทศไทยแก่ชาวต่างชาติเพียงแห่งเดียว
6. ธนาคารกรุงไทย
ก่อตั้งในปี 2509
มีสินทรัพย์รวม 102,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มีสาขาในประเทศกว่า 1,200 แห่ง
ธนาคารกรุงไทยเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ให้บริการธนาคารบุคคล ธุรกิจขนาดย่อม และธุรกิจขนาดใหญ่ มีบริการสําหรับลูกค้าบุคคล อาทิ
- สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบ้าน
- บัตรเครดิตและบัตรเดบิต
- ประกันภัยต่างๆ เช่น ประกันชีวิตและรถยนต์
- ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์
7. ธนาคารทหารไทย
ก่อตั้งในปี 2500
มีสินทรัพย์รวม 51,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2565)
มีสาขากว่า 450 แห่งในประเทศ
ธนาคารทหารไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 2500 เพื่อให้บริการแก่ข้าราชการทหาร ดําเนินงานมานานกว่า 60 ปี ในปี 2562 ควบรวมกิจการกับธนาคารธนชาต เป็นธนาคารทหารไทยธนชาต ขึ้นมาเป็นอันดับ 6 ของไทยด้านขนาดสินทรัพย์ มีบริการทางการเงินหลากหลาย อาทิ
- ประกันสุขภาพ อุบัติเหตุ เดินทาง
- สินเชื่อรถยนต์ บ้าน และส่วนบุคคล
- บัตรเครดิต
- บริการส่วนบุคคล ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และเพื่อองค์กรขนาดใหญ่
8. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ก่อตั้งในปี 2488
มีสินทรัพย์รวม 73,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2565)
มีสาขากว่า 700 แห่งในประเทศ
ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็น ธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 5 ของไทยด้านสินเชื่อและเงินฝาก โดยในปี 2556 ธนาคาร MUFG ของญี่ปุ่นเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีบริการต่างๆ รวมถึง
- ดิจิทัลแบงก์กิ้ง
- สินเชื่อรถยนต์
- บัตรเครดิตและบัตรเดบิต
- ประกันการเดินทาง
9. ธนาคารธนชาต
ก่อตั้งในปี 2545
มีสินทรัพย์รวม 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2565)
มีสาขากว่า 600 แห่งในประเทศ
แม้จะควบรวมกิจการเข้ากับธนาคารทหารไทย ในปี 2562 แต่ธนาคารธนชาตยัง ดําเนินการสาขาเดิมอยู่หลายแห่งถือเป็นผู้ให้สินเชื่อรถยนต์ชั้นนําของไทย เคยเป็นพันธมิตรกับธนาคาร Scotiabank ของแคนาดาซึ่งเป็นผู้นําด้านสินเชื่อรถยนต์ ปัจจุบันบัญชีธนาคารของธนชาตเชื่อมโยงกับธนาคารทหารไทยธนชาต
10. ธนาคารเกียรตินาคิน
ก่อตั้งในปี 2514
มีสินทรัพย์รวม 14,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2565)
มีสาขาในประเทศ 64 แห่ง
ธนาคารเกียรตินาคิน ให้บริการธนาคารบุคคล ธุรกิจขนาดเล็ก และธุรกิจขนาดใหญ่ มีจุดเด่นที่ Biz e-Banking ซึ่งให้บริการ 24 ชั่วโมง เช่น การชําระเงินและการดูข้อมูลสินเชื่อ นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ อีก เช่น
- ประกันภัยหลายประเภท
- ประเภทสินเชื่อหลากหลาย
- ดิจิทัลแบงก์กิ้ง
- การประมูลรถยนต์มือสองที่ธนาคารเป็นผู้จัด
วิธีเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ในประเทศไทย
เพื่อเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ ส่วนใหญ่จําเป็นต้องลงทะเบียนเอกสารประกอบการสมัครด้วยตนเองก่อน เอกสารที่ต้องใช้แตกต่างกันไปตามแต่ละธนาคาร แต่ส่วนใหญ่รวมถึง หนังสือเดินทาง วีซ่า และอาจรวมถึง ทะเบียนบ้าน ด้วย (หากได้ลงทะเบียนไว้)
หากมีบัตรประชาชนไทย ง่ายขึ้นในการเปิดบัญชี สามารถระบุตัวตนผ่านจุดให้บริการ Be My ID หรือใช้แอปพลิเคชันมือถือของธนาคารกรุงเทพได้
เอกสารและเงื่อนไขที่จําเป็นสําหรับการเปิดบัญชีธนาคารในประเทศไทย
เพื่อเปิดบัญชีธนาคารในไทย ต้องมี เอกสารยืนยันที่อยู่อาศัย และหลักฐานตามเงื่อนไขที่กําหนด ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละธนาคาร แต่อาจรวมถึง บัตรประจําตัวประชาชนไทย หนังสือเดินทาง วีซ่า และอื่นๆ.
มีบริการชําระเงินออนไลน์อื่นๆ ในประเทศไทยอีกหรือไม่
มีบริการออนไลน์ทางเลือกอื่นๆ สำหรับการชําระเงิน หรือที่เรียกว่า กระเป๋าเงินดิจิทัลให้เลือกใช้งานในประเทศไทย ซึ่งบริการเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถรับชําระเงินได้อย่างสะดวกหลากหลายวิธี ตั้งแต่เงินสดจนถึงการซื้อขายผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ รายการต่อไปนี้คือผู้ให้บริการชั้นนํา
- ทรูมันนี่
- แรบบิท - ไลน์เพย์
- สยามเพย์
- ไวส์ (Wise)