ติดต่อเรา
×
รายละเอียดผู้ติดต่อ
ห้องนอน
สตูดิโอ
1
2
3
4+
Size [sqm]
min
 
max
Price [฿]
min
 
max
Price [฿]
min
 
max
ติดต่อและเยี่ยมชม Facebook ของเรา
เข้าร่วมติดต่อและเยี่ยมชม PropertySights ของเราบน Facebook! รับสิทธิ์เข้าถึงรายการใหม่ก่อนใคร ทั้งติดต่อขอคําแนะนําจากผู้เชี่ยวชาญ ข้อมูลเชิงลึกของตลาด และเชื่อมต่อกับผู้ที่ชื่นชอบ นอกจากนี้ เรามีสิทธิพิเศษมอบให้สําหรับสมาชิกเท่านั้นอีกด้วย
propertysights.realestate
ถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยผ่านวีซ่าการลงทุนและวิธีการขอวีซ่า
ข้อมูลเพิ่มเติม

คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับการรีไฟแนนซ์บ้านในประเทศไทย ปี 2567

การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์อย่างยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการประหยัดสำหรับเจ้าของบ้านในประเทศไทย บทความนี้นำเสนอโดย PropertySights Real Estate จะพาคุณเรียนรู้ทุกแง่มุมเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์อสังหาริมทรัพย์ ทั้งข้อดีและวิธีการดำเนินการในบริบทของประเทศไทย
ประกาศ: พฤศจิกายน 1, 2024    
อัพเดท: พฤศจิกายน 1, 2024
แชร์บทความ:

การรีไฟแนนซ์บ้านในประเทศไทยคืออะไร?

การรีไฟแนนซ์อสังหาริมทรัพย์ (รีไฟแนนซ์) ในประเทศไทย คือ กระบวนการ เปลี่ยนสินเชื่อบ้านเดิมเป็นสินเชื่อใหม่โดยทั่วไปในประเทศไทย ธนาคารมักจะอนุญาตไม่อนุญาตให้ทำการรีไฟแนนซ์นอกจากจะผ่านไปอย่างน้อย 3 ปีนับจากวันที่เริ่มสัญญาจำนองเดิม

กระบวนการรีไฟแนนซ์บ้านมักมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมหลายรายการและการจ่ายเงินประกัน ซึ่งอาจทำให้บางคนลังเลที่จะตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม การรีไฟแนนซ์เปิดโอกาสให้คุณได้ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนรวมของเงินกู้ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเงื่อนไขที่ได้รับ

หลังจากที่การรีไฟแนนซ์บ้านได้รับการอนุมัติและมีการลงนามในสัญญาแล้ว คุณจะเริ่มชำระเงินงวดรายเดือนให้กับสถาบันการเงินใหม่แทนที่สถาบันเดิม ในกรณีที่คุณเลือกรีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่น

สมมติว่าคุณมีสินเชื่อบ้านสำหรับอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 3 ล้านบาท โดยไม่มีเงินดาวน์ ระยะเวลากู้ 30 ปี (360 งวด) และอัตราดอกเบี้ย 4.5% ยอดชำระรวมเมื่อสิ้นสุดเงินกู้จะเป็น 5,472,144 บาท หรือคิดเป็นเงินผ่อนประมาณ 15,200 บาทต่อเดือน

หากคุณทำการรีไฟแนนซ์เงินกู้ที่อัตราดอกเบี้ย 3.5% หลังจากผ่านไป 3 ปี จะส่งผลให้มียอดชำระเงินรวมลดลงเหลือ 5,053,200 บาท (รวมการชำระเงินในช่วง 3 ปีแรก) หรือ 13,900 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 27 ปีทั้งนี้ หากค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ไม่สูงจนเกินไป การรีไฟแนนซ์อาจช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากขึ้นในระยะยาว

ทางเลือกอื่นนอกจากการรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร?

ทางเลือกอื่นนอกจากการรีไฟแนนซ์บ้าน คือ การขอลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหมายถึง การลดอัตราดอกเบี้ยตราที่ตกลงกับธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อบ้านเดิม- ขึ้นอยู่กับอัตราที่เสนอ สิ่งนี้อาจเป็นประโยชน์ทางการเงินและลดเอกสารที่จำเป็นสำหรับการสมัครจำนองใหม่

โดยทั่วไป กระบวนการขอลดอัตราดอกเบี้ยเชื่อบ้านไว้จะไม่ต้องยื่นเอกสารใหม่ เช่น เอกสารแสดงตัวตน รายการแสดงรายได้ และหลักประกัน เวลาส่วนใหญ่จะใช้ไปกับการตรวจสอบประวัติการชำระเงินของผู้กู้ และค่าธรรมเนียมส่วนใหญ่นอกเหนือจากค่าจดทะเบียนจำนอง 0.01% ก็จะได้รับการยกเว้น

เหตุผลในการรีไฟแนนซ์อสังหาริมทรัพย์ของคุณมีอะไรบ้าง?

5 เหตุผลหลักในการรีไฟแนนซ์อสังหาริมทรัพย์ของคุณ มีดังนี้:

  1. การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาค เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงกว่า ที่คุณตกลงไว้ในสินเชื่อเดิม ซึ่งสามารถลดการจ่ายดอกเบี้ยโดยรวมในระยะยาวได้ หากอัตราดอกเบี้ยเดิมของคุณสูง
  2. การกู้สินเชื่อใหม่เพื่อ จ่ายค่าปรับปรุงบ้าน หรือสนับสนุนโครงการอื่นๆ
  3. ความต้องการที่จะ เปลี่ยนจากสินเชื่อดอกเบี้ยลอยตัวเป็นคงที่ หรือในทางกลับกันสินเชื่อแบบหนึ่งอาจดูเหมาะสมตอนขอสินเชื่อเดิม แต่อาจเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมทางการเงินโดยรวม
  4. การขยายระยะเวลากู้ให้นานขึ้น ซึ่งสามารถลดค่างวดรายเดือนลงได้ และอาจเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาหากคุณผ่อนมาหลายปีแล้วและ กำลังมีปัญหาในการผ่อนชำระข้อเสียคือต้นทุนรวมของสินเชื่อจะเพิ่มขึ้น
  5. การปรับปรุงเครดิตสกอร์ หากคุณกู้สินเชื่อเดิมตอนที่มีเครดิตสกอร์ไม่ดี การปรับปรุงสถานะทางการเงินส่วนบุคคล และการเห็นเครดิตสกอร์ที่ดีขึ้น อาจเป็นเหตุผลให้รีไฟแนนซ์ เนื่องจากอาจได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่าเดิม

หลักประกันประเภทใดบ้างที่สามารถใช้ในการรีไฟแนนซ์?

7 ประเภทหลักของหลักประกันที่สามารถใช้ในการรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านได้แก่:

  1. บ้าน
  2. ทาวน์เฮ้าส์
  3. อาคารพาณิชย์
  4. คอนโดมิเนียม
  5. ที่ดินเปล่า
  6. บ้านที่ปรับปรุงใหม่
  7. การรีไฟแนนซ์สินเชื่อจากสถาบันการเงินอื่น

อะไรคือข้อดีของการรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านปัจจุบันของคุณ?

ข้อดีหลักของการรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านปัจจุบันของคุณมีดังนี้:

  • ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ซึ่งคุณสามารถ ประหยัดเงิน ได้มากขึ้นในระยะยาว ทั้งนี้ ควรพิจารณาให้แน่ใจว่าเงินที่ประหยัดได้มากกว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรีไฟแนนซ์
  • ทำให้ ระยะเวลาการผ่อนชำระสั้นลงการรีไฟแนนซ์อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม โดยเฉพาะในกรณีที่สัญญาเดิมไม่อนุญาตให้จ่ายเงินก้อนใหญ่ในช่วงต้นของสัญญา
  • ค่างวดรายเดือนที่ต่ำลง หากคุณกำลังประสบปัญหาในการผ่อนชำระ การรีไฟแนนซ์เพื่อปรับโครงสร้าง สินเชื่อให้มีค่างวดรายเดือนที่ต่ำลง อาจเป็นทางออกที่ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินในระยะสั้นได้
  • การรีไฟแนนซ์อาจช่วยให้คุณสามารถ นำส่วนต่างของมูลค่าบ้านมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ได้ เช่น การต่อเติมหรือปรับปรุงบ้าน หรือแม้แต่การลงทุนในโอกาสอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ที่คุณมีอยู่

การรีไฟแนนซ์บ้านมีข้อเสียหรือไม่?

ใช่ อาจมีข้อเสียในการรีไฟแนนซ์บ้านของคุณ เช่น ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการรีไฟแนนซ์อาจไม่คุ้มค่า กับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง

แม้ว่าจะมี การลดค่าธรรมเนียมจำนองโดยรัฐบาลไทยแต่ก็ยังคิดเป็น 0.01% ของมูลค่าเงินกู้ทั้งหมด ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่ที่เกี่ยวข้องกับการขอสินเชื่อบ้านในประเทศไทย ได้แก่:

  • เบี้ยประกันอัคคีภัยประมาณ 2,000 บาทต่อปี โดยปกติแนะนำให้ทำประกัน 3-6 ปี
  • ค่าประเมินหลักประกันประมาณ 3,000-5,000 บาท
  • ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้
  • ค่าธรรมเนียมการสมัครอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสถาบันการเงิน

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นหนี้เพิ่มขึ้นหากคุณรีไฟแนนซ์เพื่อชำระหนี้การลงทุนอื่นๆ หรือใช้เป็นทางออกในการชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงในปัจจุบัน

สุดท้าย การรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านอาจส่งผลกระทบต่อเครดิตสกอร์ของคุณ เนื่องจากมีการตรวจสอบประวัติเครดิตของคุณใหม่

เอกสารอะไรบ้างที่จำเป็นสำหรับการสมัครรีไฟแนนซ์บ้าน?

เอกสารหลัก 3 ประเภทที่จำเป็นสำหรับการสมัครรีไฟแนนซ์บ้าน คือเอกสารที่แสดง แสดง ข้อมูลส่วนบุคคล รายได้ และรายละเอียดหลักประกันเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญที่ต้องใช้ ได้แก่ สำเนาของ:

  • บัตรประจำตัวประชาชน
  • ทะเบียนบ้าน
  • ใบเปลี่ยนชื่อสกุล (ถ้ามี)
  • บัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของคู่สมรส (ถ้ามี)
  • ทะเบียนสมรสหรือใบ่หย่า ถ้ามี
  • ใบมรณะบัตรและทะเบียนสมรสในกรณีที่เป็นหม้าย

เอกสารด้านรายได้ที่สำคัญที่ต้องใช้ ได้แก่:

  • สำหรับผู้มีรายได้ประจำ: สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือนหรือหนังสือรับรองการทำงาน สำเนาสมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ในบางกรณี
  • สำหรับผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว: สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนการค้า สำเนารายชื่อผู้ถือหุ้นรวมถึงผู้กู้ทั้งหมด สำเนาสมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 12 เดือนทั้งของบุคคลและธุรกิจ และสำเนาแบบ ภ.พ.30 (แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม) หรือแบบ ภ.ง.ด.50 (แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล) อย่างใดอย่างหนึ่ง

เอกสารหลักประกันที่จำเป็น ได้แก่ สำเนาของเอกสารดังนี้:

  • เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ เช่น โฉนดที่ดิน
  • สัญญาซื้อขาย
  • สัญญาจำนองปัจจุบัน
  • สัญญากู้ยืมกับสถาบันการเงินเดิม
  • ใบเสร็จรับเงินการผ่อนชำระเงินกู้ย้อนหลัง 12 เดือน

มีคุณสมบัติเกี่ยวกับการจ้างงานสำหรับการสมัครรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านหรือไม่?

ใช่ มีคุณสมบัติเกี่ยวกับการจ้างงานสำหรับการสมัครรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านสำหรับ 3 กลุ่มอาชีพหลัก ได้แก่ อาชีพอิสระ พนักงานบริษัทหรือข้าราชการ และเจ้าของธุรกิจ.

ผู้ประกอบอาชีพอิสระ (ฟรีแลนซ์) ต้องมีคุณสมบัติดังนี้:

  • รายได้ต่อเดือนอย่างน้อย 15,000 บาท
  • มีประสบการณ์ในอาชีพอย่างน้อย 1 ปี
  • อายุระหว่าง 20 ถึง 65 ปี
  • มีสัญชาติไทย

มีคุณสมบัติเกี่ยวกับการจ้างงานสำหรับการสมัครรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านหรือไม่?

  • รายได้ต่อเดือนอย่างน้อย 15,000 บาท
  • มีประสบการณ์ในอาชีพอย่างน้อย 6 เดือน
  • อายุระหว่าง 20 ถึง 65 ปี
  • มีสัญชาติไทย

พนักงานบริษัทหรือข้าราชการต้องมีคุณสมบัติดังนี้:

  • รายได้ต่อเดือนอย่างน้อย 50,000 บาท
  • มีประสบการณ์ในอาชีพอย่างน้อย 2 ปี
  • อายุระหว่าง 20 ถึง 65 ปี
  • มีสัญชาติไทย

ธนาคารที่ดีที่สุดสำหรับสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านในปี 2567

5 อันดับของ ธนาคารพาณิชย์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย สำหรับสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านในปี 2567 ได้แก่:

  1. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ให้วงเงินกู้สูงสุด 2.5 ล้านบาทต่อคนต่อหลักประกัน และมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุดที่ 2.98%
  2. ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (แอลเอชแบงก์) ให้วงเงินกู้สูงสุดเท่ากับมูลค่าประเมินทรัพย์สินเต็มจำนวน และมีอัตราดอกเบี้ย 3.14%
  3. ธนาคารธนชาต ให้วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท และมีอัตราดอกเบี้ย 3.39%
  4. ธนาคารกรุงไทย ให้วงเงินกู้สูงสุดเท่ากับมูลค่าประเมินทรัพย์สินเต็มจำนวน และมีอัตราดอกเบี้ย 3.4%
  5. ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้วงเงินกู้สูงสุดไม่เกินยอดสินเชื่อเดิม และมีอัตราดอกเบี้ย 3.42%

6 ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้านของคุณ

การรีไฟแนนซ์บ้านของคุณสามารถทำได้ใน 6 ขั้นตอน รวมถึงการตัดสินใจเลือกธนาคาร การเตรียมเอกสาร และสุดท้ายคือการทำ สัญญาสินเชื่อบ้านใหม่.

1. ตรวจสอบสัญญาสินเชื่อบ้านปัจจุบัน

คุณต้องตรวจสอบสัญญาสินเชื่อบ้านปัจจุบันเพื่อ เข้าใจว่าสามารถรีไฟแนนซ์ได้เมื่อไหร่ในกรณีส่วนใหญ่ จะเป็นหลังจากที่คุณได้ผ่อนชำระสินเชื่อปัจจุบันไปแล้ว 3 ปี สัญญามักจะระบุรายละเอียดเกี่ยวกับค่าปรับที่เกี่ยวข้องหากมีการทำสินเชื่อใหม่ก่อนวันที่กำหนด

2. ตรวจสอบข้อมูลหนี้คงค้าง

ตรวจสอบข้อมูลหนี้คงค้างเพื่อ ทราบยอดคงเหลือของสินเชื่อบ้านของคุณใช้ข้อมูลนี้ในการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารอื่นๆ และสถาบันที่คุณมีสินเชื่ออยู่เสนอให้

3. เปรียบเทียบธนาคารอื่นกับธนาคารปัจจุบันของคุณและตัดสินใจว่าธนาคารไหนดีที่สุด

เปรียบเทียบธนาคารอื่นกับธนาคารปัจจุบันของคุณและตัดสินใจว่าธนาคารไหนดีที่สุด โดยพิจารณาจาก ค่าใช้จ่ายรวมในการรีไฟแนนซ์เทียบกับเงินที่ประหยัดได้จากการจ่ายดอกเบี้ยธนาคารปัจจุบันของคุณอาจเสนอโปรแกรมรักษาลูกค้าเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยให้คุณ ดังนั้นควรทำการศึกษาและเปรียบเทียบข้อเสนอจากธนาคารอื่นกับสิ่งที่คุณจะได้รับหากยังคงอยู่กับธนาคารปัจจุบัน

4. วางแผนงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ

วางแผนงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะส่งผลให้เกิดการประหยัด เมื่อเทียบกับสินเชื่อเดิมของคุณ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้รวมถึงค่าจดทะเบียนจำนอง 0.01% ของวงเงินกู้ ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ค่าประกันอัคคีภัย และค่าธรรมเนียมการประเมินทรัพย์สินและธนาคารที่อาจเกิดขึ้น

5. เตรียมเอกสารให้พร้อมและยื่นสมัคร

เตรียมเอกสารให้พร้อมและยื่นสมัคร สมัคร เมื่อคุณตัดสินใจเลือกธนาคารสำหรับการรีไฟแนนซ์แล้วเอกสารหลักที่ต้องใช้ในการรีไฟแนนซ์สินเชื่อ ได้แก่ สำเนาเอกสารแสดงตัวตน เอกสารแสดงการจ้างงานและรายได้ และรายละเอียดหลักประกัน

6. ทำสัญญาจำนองและจดทะเบียนที่กรมที่ดิน

การทำสัญญาจำนองและจดทะเบียนที่กรมที่ดินเป็น ขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการรีไฟแนนซ์ที่กรมที่ดิน คุณจะต้องจ่ายค่าจดทะเบียนสินเชื่อบ้านใหม่ ซึ่งในปี 2567 คิดเป็น 0.01% ของวงเงินกู้ทั้งหมด นอกจากนี้คุณยังต้องจ่ายค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติ

ต้องการคำแนะนำด้านอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมที่สามารถช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุน เช่นเดียวกับการรีไฟแนนซ์บ้านหรือไม่? ติดต่อบริษัท PropertySIghts Real Estate วันนี้และพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ของเรา

ทีมบรรณาธิการ
ทีมบรรณาธิการของ PSRE ประกอบด้วยนักเขียน บรรณาธิการ และนักวิจัยมืออาชีพที่คอยตรวจสอบข้อเท็จจริงและเนื้อหาที่มีคุณภาพ เป้าหมายหลักคือการได้รับข้อมูลที่ถูกต้องบนหน้าเว็บสำหรับคุณซึ่งเป็นผู้อ่านเสมอ ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ มีหลายสิ่งที่ต้องดำเนินการ แต่ความหวังของทีมบรรณาธิการคือการทำให้ง่ายขึ้น เพื่อที่คุณจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนของคุณ
แชร์บทความ:

ย่านอสังหาริมทรัพย์ของเรา ตามภูมิภาคต่างๆในกรุงเทพฯ พร้อมด้วยคุณลักษณะของแต่ละย่าน

กดติดตามเพื่อรับข่าวสารจากเรา
ค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนออสังหาริมทรัพย์ใหม่ล่าสุด
Scan this QR code or
add our line id: sing2022
thไทย