ค้นหาข้อดีของการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวว่าได้รับผลกระทบอย่างไรจากทั่วโลก ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่ยอดเยี่ยม
ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีข้อดีอะไรบ้าง?
ตามข้อมูลจากสํานักงานสถิติแห่งชาติ ประเทศไทยกลายเป็น ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน ตามข้อมูลจากสํานักงานสถิติแห่งชาติไทย เมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆ มีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์สูงถึง 1.3 ล้านหน่วย
-
อัตราผลตอบแทนที่ดีและเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา
การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมได้ เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ทําให้เป็นทางเลือกการลงทุนที่คุ้มค่า การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวต่างๆ สามารถสร้างกําไรและผลตอบแทนการลงทุนที่ดี
ข้อดีประการหนึ่งของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ คือ ความสามารถในการรักษามูลค่า และโอกาสที่มูลค่าจะเพิ่มขึ้นได้อีกด้วยนําไปสู่กําไรจากการขายต่อหรือให้เช่า โดยสามารถสร้างรายได้ประมาณ 11% ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ได้
นอกจากนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างสดใส เนื่องจาก มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดผลตอบแทนการลงทุนจะเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว เนื่องจากมูลค่าอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา นําไปสู่เงินทุนที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ การลงทุนในประเทศไทย ยังมีความมั่นคง เนื่องจากมีความต้องการเช่าอสังหาริมทรัพย์อย่างสูงซึ่งสร้างรายได้เสริมอย่างมั่นคงจากการให้เช่า
ดังนั้น สิ่งสําคัญคือการพิจารณาว่าจะทําอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการให้เช่าในอัตราผลตอบแทนที่ดี หรือการขายในราคาที่สูงกว่าที่ซื้อมาเดิม
ในเรื่องนี้ เราแนะนําให้ขอคําปรึกษาจาก PropertySights Real Estate ซึ่งพร้อมที่จะคอยช่วยเหลือท่านตลอดทุกขั้นตอนในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
-
เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ดีและตลาดการให้เช่าที่แข็งแกร่ง
หลายประเทศทั่วโลกกําลังดึงดูดนักลงทุนเข้ามาร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยการระดมทุนเข้าสู่โครงการโครงสร้างพื้นฐานหลักต่างๆ แต่ประเทศไทยมีความโดดเด่นจากประเทศอื่นๆ ด้วย เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ดี ซึ่งครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งการผลิต การท่องเที่ยว เกษตรกรรม และบริการ
ดินแดนแห่งรอยยิ้ม มีความมั่งคั่งทั้งด้านวัฒนธรรมและความงดงามทางภูมิศาสตร์ ไม่ใช่แค่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสําหรับนักท่องเที่ยวนับล้านคนในแต่ละปีเท่านั้น แต่ยังเป็น ศูนย์กลางสําคัญทางด้านสาธารณสุข เกษตรกรรม การผลิต และการท่องเที่ยวอีกด้วยประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสําหรับชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวที่มาอาศัยหรือเยี่ยมเยือน
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นที่รู้จักในเรื่องตลาดการเช่า ซึ่งดึงดูดนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ชาวต่างชาติที่ต้องการสร้างรายได้จากการลงทุน เนื่องจากนักท่องเที่ยว ดิจิตอลโนแมด และ ชาวต่างชาติ ที่เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนจึงมีโอกาสสร้างรายได้ประจําจากการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ได้
ประเทศไทยมีชื่อเสียงในเรื่องเสถียรภาพและอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นตัวเลือกที่มั่นคงสําหรับนักลงทุน
-
ทําเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ สาธารณูปโภค และความร่วมมือระหว่างประเทศ
การพัฒนาและความสําคัญของประเทศไทยในเวทีโลก ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากทําเลที่ตั้ง โครงสร้างพื้นฐาน และความร่วมมือระหว่างประเทศที่แน่นแฟ้น ประเทศไทยมักถูกเรียกขานว่า "ประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้" จากทําเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ในภูมิภาค มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ ได้แก่ พม่า ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย
ประเทศไทยมีโครงข่ายถนน รถไฟ ท่าเรือ และสนามบินที่ครอบคลุมและเชื่อมโยงกัน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงยังเป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาคด้วยสนามบิน 2 แห่ง ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งเอื้อให้การขนส่งสินค้าและบุคคลสะดวก ซึ่งช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ประเทศไทยเข้าร่วมองค์กรนี้อย่างแข็งขันในการเสริมสร้างความร่วมมือ ส่งเสริมเสถียรภาพทางการเมือง และธํารงรักษาการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศสมาชิก อาเซียนมีบทบาทสําคัญในการกําหนดความสัมพันธ์และขับเคลื่อนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจภายในภูมิภาค
ด้วยข้อได้เปรียบด้านทําเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ ทําให้ประเทศไทยโดดเด่นในฐานะศูนย์กลางทางการค้าและโลจิสติกส์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
-
การสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลไทย
หนึ่งในข้อดีของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย คือ รัฐบาลไทยให้ความสําคัญกับภาคอสังหาริมทรัพย์ ผ่านมาตรการต่างๆ มาโดยตลอด เช่น การใช้มาตรการจูงใจ เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจํานอง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์
กิจกรรมหลัก ๆ ที่ดําเนินการในบริบทนี้รวมถึง:
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 กฎระเบียบอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับปรุงใหม่ ได้ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจํานองสําหรับอสังหาริมทรัพย์ที่มูลค่า 3 ล้านบาทหรือน้อยกว่า โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เป็น 1% และลดค่าธรรมเนียมจดจํานองจาก 1% เป็น 0.01%
เพื่อส่งเสริมการลงทุน รัฐบาลไทยให้สิทธิประโยชน์ เช่น การยกเว้นภาษี สิทธิในการถือครองที่ดิน และสิทธิพิเศษในอุตสาหกรรมเฉพาะ สิทธิประโยชน์เหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดให้การลงทุนในประเทศไทยน่าสนใจและมีข้อได้เปรียบมากขึ้น
ชาวต่างชาติและชาวต่างประเทศได้รับการยกเว้นการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์
ภายใต้กฎหมายไทย นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสได้รับสิทธิพํานักในประเทศผ่านการขอวีซ่าการลงทุน ซึ่งอนุญาตให้พวกเขา พร้อมคู่สมรสและบุตร ได้รับสิทธิพํานักในประเทศไทยโดยการซื้ออสังหาริมทรัพย์จากผู้พัฒนาโครงการ
-
โอกาสสูงที่จะได้สิทธิขอสัญชาติไทย
สิ่งที่ทําให้ความนิยมในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น ให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือการ เชื่อมโยงการให้สิทธิพํานักถาวร กับการซื้อคอนโดมิเนียมมูลค่า 10 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นแรงกระตุ้นสําคัญ โดยเฉพาะสําหรับชาวต่างชาติที่ต้องการมาตั้งถิ่นฐานและเกษียณอายุในประเทศไทย ให้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย แม้ว่าจะทําให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในไทยสูงขึ้นก็ตาม ซึ่งหมายความว่าความต้องการคอนโดมิเนียมในไทยจะยังคงแข็งแกร่งไม่ว่าในสถานการณ์ใด
ผลกระทบของการอนุญาตให้มีการให้สิทธิพํานักถาวรในประเทศไทย เพื่อแลกกับการซื้อคอนโดมิเนียม โดยการถือครองอสังหาริมทรัพย์ ปรากฏออกมาในหลายธุรกรรมที่ชาวต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อขอสิทธิพํานักถาวร
-
ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกกว่าประเทศอื่นๆ
ราคาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมักถือว่ามีราคาที่คุ้มค่า ในหลายประเทศ ราคาอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทําให้ยากต่อการเป็นเจ้าของบ้านในฝันสําหรับหลายคน แต่ในประเทศไทย ท่านสามารถพบอสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ในยุโรปและอเมริกา ไม่ว่าท่านจะสนใจวิลล่าชายทะเล อพาร์ทเมนท์ใจกลางเมือง หรือบ้านพักตากอากาศท่ามกลางธรรมชาติ ประเทศไทยมีทางเลือกมากมายที่ไม่กระทบต่อการเงินของท่าน
ต่อไปนี้เป็นการเปรียบเทียบราคาบ้านตามค่าเฉลี่ยต่อตารางเมตรในเขตเมือง เป็นสกุลเงินปอนด์สเตอร์ลิง โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Finder UK
- อสังหาริมทรัพย์ไทย ต่อ ตร.ม. คือ: £2,934.16
- อสังหาริมทรัพย์ฮ่องกง ต่อ ตร.ม. คือ: £24,364.03
- อสังหาริมทรัพย์สวิตเซอร์แลนด์ ต่อ ตร.ม. คือ: £13,067.67
- อสังหาริมทรัพย์เกาหลีใต้ ต่อ ตร.ม. คือ: £10,159.31
- อสังหาริมทรัพย์สหราชอาณาจักร ต่อ ตร.ม. คือ: £4,455.54
- อสังหาริมทรัพย์สหรัฐอเมริกา ต่อ ตร.ม. คือ: £3,831.01
แหล่งที่มา Finder UK
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยมีทางเลือกสําหรับงบประมาณหลากหลาย ให้สิ่งอํานวยความสะดวกและแรงจูงใจต่างๆ ที่ทําให้การลงทุนในประเทศไทยเป็นโอกาสอันน่าดึงดูด นอกจากนี้ ความน่าหลงใหลอื่นๆ ของประเทศไทย รวมถึงสภาพภูมิอากาศ ระบบเศรษฐกิจที่เฟื่องฟู ตลาดอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ตลอดจนแหล่งมรดกวัฒนธรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ การลงทุนในประเทศไทยไม่ว่าเพื่อการอยู่อาศัยหรือธุรกิจ ถือเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมในทุกมิติ
-
ค่าครองชีพที่ถูกสําหรับนักลงทุนชาวต่างชาติ
ประเทศไทยดึงดูดชาวต่างชาติด้วยข้อได้เปรียบ คือ ค่าครองชีพที่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ มาก
การพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ความคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารริมถนน หรือเดินช็อปปิ้งตามตลาด ค่าใช้จ่ายประจําวันในประเทศไทยถูกกว่าประเทศอื่นๆ มาก ดังนั้นเงินของคุณจึงมีความคุ้มค่า สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สิน
การหาที่อยู่อาศัยมีความสําคัญมากสําหรับทุกคน และในประเทศไทย คุณมีตัวเลือกมากมายที่ไม่กระทบต่องบประมาณมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ทเมนท์กลางกรุงเทพฯ วิลล่าในพัทยา หรือบ้านพักท่ามกลางธรรมชาติ ค่าเช่าหรือซื้อที่อยู่อาศัยในไทยถูกกว่าประเทศอื่นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อพูดถึงค่าบริการขนส่งสาธารณะ เช่น แท็กซี่ รถโดยสารประจําทาง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟฟ้า MRT และ BTS ก็มีค่าโดยสารที่ถูกต้องเหมาะสม และราคาน้ํามันก็ถูกกว่าประเทศอื่นมาก ทําให้การเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนตัวมีความคุ้มค่ากว่า
การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยช่วยป้องกันภาวะเงินเฟ้อได้หรือไม่?
ได้ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยสามารถป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อได้ เพราะเป้าหมายหลักของนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีเหตุผลคือไม่ใช่การเพิ่มผลตอบแทนสูงสุด แต่เพื่อ "ลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของตน"
ในประเทศไทย ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index - CPI) ถูกใช้เป็น "ตัวชี้วัดเพื่อวัดภาวะเงินเฟ้อ" เพื่อให้เข้าใจวิธีการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ดียิ่งขึ้น เราสามารถแยกอัตราเงินเฟ้อออกเป็น 2 ส่วนคือ "เงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้ และเงินเฟ้อที่ไม่คาดคิด" ซึ่งจะช่วยในการกําหนดวิธีการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ
สําหรับนักลงทุนที่ใช้เงินสกุลอื่นที่ไม่ใช่เงินบาทไทย และนําเงินทุนเข้ามาลงทุนจากต่างประเทศ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพวกเขาในเรื่องของการซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม มีบางกรณีที่ภาวะเงินเฟ้อระดับสูงสามารถเอื้อประโยชน์ให้กับนักลงทุนเหล่านี้ได้ ในแง่ของอํานาจซื้อทําให้อสังหาริมทรัพย์มีราคาที่ถูกลงเมื่อเปรียบเทียบกับเงินบาท
ในอดีต อสังหาริมทรัพย์ถือเป็นสินทรัพย์การลงทุนและวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันภาวะเงินเฟ้อ (อ้างอิง Le Moigne and La 2008)