อะไรคือเหตุผลหลักในการลงทุนในกรุงเทพมหานคร?
เหตุผลหลักที่ควรลงทุนในกรุงเทพฯ คือ มหานครแห่งนี้กำลังทุ่มเทเพื่ออนาคตผ่านโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งยังมี รากฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว การท่องเที่ยวและกำลังซื้อของผู้บริโภคยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้การลงทุนในเมืองหลวงแห่งนี้
1.เศรษฐกิจเข้มแข็งและเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม
กรุงเทพฯ คือเมืองที่ครองความเป็นใหญ่ทางเศรษฐกิจและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่สุดในประเทศไทย ในปี 2563 มหานครหลวงแห่งนี้มีประชากรมากที่สุดราว 10.5 ล้านคน หรือประมาณ 15% ของประชากรทั้งหมด โดยมีนักท่องเที่ยว 22.78 ล้านคนเดินทางมาเยือนในปี 2562
ประชากรกว่า 16 ล้านคนตั้งถิ่นฐานใน 50 เขต 180 แขวงของกรุงเทพฯ โดยมีผู้อาศัยจำนวนมากในเขตใจกลางเมือง
ประเภท | สถิติ |
พื้นที่เมืองใหญ่ | 7,761.6 ตารางกิโลเมตร |
ประชากรในเมือง | 16,932,000 |
พื้นที่ใจกลางเมือง | 1,568.7 ตารางกิโลเมตร |
กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจไทย สร้างมูลค่าถึง 47.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั้งหมดในปี 2561 ส่วนใหญ่มาจากภาคการส่งออก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 58% ของGDPรวม แรงงานที่แข็งแกร่งเป็นรากฐานสำคัญของ เศรษฐกิจไทย ที่มั่นคง
และกรุงเทพฯ ขึ้นชื่อว่ามีอัตราการจ้างงานที่ดีเยี่ยม ด้วยอัตราการว่างงานเฉลี่ยเพียง 0.9% ในปี 2565
2.โครงสร้างพื้นฐานทันสมัยครบวงจร
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ก้าวหน้าและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบเป็น ภารกิจหลักที่สำคัญของรัฐบาล มาเป็นเวลานานหลายปี ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางรถไฟ ถนนหลวง ท่าเรือ และสาธารณูปโภคต่างๆ เมืองหลวงกำลังกลายเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อถึงกันได้อย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นทุกที
ระบบรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) ได้เปิดให้บริการแล้ว 4 สายตั้งแต่ปี 2547 ได้แก่ สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีเหลือง และสายสีชมพู ขณะที่รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) เดินรถ 3 สาย คือ สายสุขุมวิท สายสีลม และสายสีทองสั้นๆ ที่เชื่อมกับไอคอนสยาม มาตั้งแต่ปี 2542 และมีการขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงมีแผนก่อสร้างอีก 5 สายในเร็วๆ นี้ นอกเหนือจากรถไฟและรถประจำทางสายเก่าแก่ที่วิ่งทั่วทุกพื้นที่
ยังมีสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามากกว่า 20 แห่ง พร้อมโครงการสร้างเพิ่มเติมอีกหลายสะพาน เช่น สะพานอาร์ชจากสิงห์บุรีที่มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2569 นอกจากนี้ รถไฟฟ้าบีทีเอสยังใช้อุโมงค์ 2 แห่งในการข้ามแม่น้ำอีกด้วย บริเวณปากอ่าวมีท่าเรือกรุงเทพ หนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของโลก เป็นประตูการค้าสำคัญรองรับการนำเข้าส่งออกส่วนใหญ่ของประเทศ
ในแง่มูลค่าการลงทุน รัฐบาลไทยวางแผนจะใช้งบประมาณกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2583 เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
What are some Major successful Infrastructure Projects Invest in Bangkok?
โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ 5 อย่างที่สำเร็จลุล่วงไปแล้วในกรุงเทพฯ ได้แก่
- ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สนามบินหลักของประเทศไทยที่เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 2549
- การเพิ่มพื้นที่ปลอดภาษี (Free Zone) ในท่าเรือกรุงเทพ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่บริษัทขนส่งระหว่างประเทศ
- การขยายโครงข่ายรถไฟฟ้า MRT หลายสาย ทั้งสีน้ำเงิน เหลือง ม่วง และชมพู
- รถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท สีลม และสีทอง พร้อมสายสีเขียวและสีส้มที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง
- สถานีกลางบางซื่อ สถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดให้บริการปี 2564 ด้วยงบก่อสร้าง 15,000 ล้านบาท
- สะพานพระราม 8 หรือสะพานสีทองข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา สะพานแขวนสายเคเบิลอสมมาตรที่ยาวอันดับ 5 ของโลก
- ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในเขตคลองเตย ศูนย์การประชุมขนาด 300,000 ตารางเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2534 ในฐานะส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีครั้งที่ 46 ของคณะผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในกรุงเทพฯ ได้รับการปรับปรุงตั้งแต่ปี 2562-2565 ด้วยค่าใช้จ่ายรวม 12,000 ล้านบาท
เหตุผลดีๆ ข้ออื่นๆ ในการลงทุนในกรุงเทพมหานคร
ยังมีเหตุผลดีๆ ข้ออื่นๆ เพิ่มเติมที่น่าสนใจ ถ้าหากลงทุนในกรุงเทพมหานคร ได้แก่:
- กรุงเทพฯ ติดอันดับ 1 ใน 52 เมืองทั่วโลก ในแง่ของขนาดเศรษฐกิจ (GDP)
- บริการการแพทย์คุณภาพสูงในเมืองหลวงดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์จำนวนมาก คาดว่าในปี 2567 รายได้จากกลุ่มนี้ทั่วประเทศจะแตะ 15,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะโตเฉลี่ยปีละ 15.7% จนถึงปี 2577 โดย 80% ของรายได้จะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ
- ศูนย์การค้าและแหล่งบันเทิงหรูหราระดับไฮเอนด์ เช่น โครงการอสังหาฯ มิกซ์ยูสยักษ์ใหญ่ One Bangkok ที่สาทร ซึ่งจะทยอยเปิดตั้งแต่ พ.ย. 2567 เป็นต้นไป
- วิสัยทัศน์ที่จะยกระดับกรุงเทพฯ ให้เป็นมหานครอัจฉริยะ โดยเน้นพัฒนาระบบพลังงาน ขนส่งมวลชน เศรษฐกิจ และการปกครอง ให้ทันสมัยล้ำยุคมากขึ้น
อะไรคือภาคการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดในกรุงเทพมหานคร?
1. การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมในกรุงเทพมหานคร
การลงทุนในภาคการผลิตของกรุงเทพฯ ถือเป็นหนึ่งในช่องทางที่ทำกำไร ได้มากที่สุดสำหรับการเติบโตของรายได้โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีสัดส่วนถึง 10% ของ GDP ไทย จนทำให้เมืองหลวงแห่งนี้ได้รับฉายาว่า "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย"
อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ และเครื่องจักรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสำนักงาน ถือเป็นภาคการผลิตที่โดดเด่นลำดับถัดไปในเมืองหลวง รัฐบาลยังมีแผนที่จะเพิ่มการมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีแห่งศตวรรษที่ 21 ผ่านกลยุทธ์ "ประเทศไทย 4.0" เป้าหมายของทิศทางใหม่นี้คือการเปลี่ยนไปสู่การผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น หุ่นยนต์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และอุปกรณ์ทางการแพทย์
2. การลงทุนในภาคบริการในกรุงเทพมหานคร
การลงทุนในธุรกิจบริการของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ระดับไฮเอนด์และเชิงการแพทย์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่แข็งแกร่ง โดยรวมแล้ว รายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 21.9% ของGDPทั้งหมดของไทย
เมื่อนึกถึงนักท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ หลายคนอาจจินตนาการถึงนักเดินทางแบ็คแพ็คที่เที่ยวแบบประหยัด แต่จริงๆ แล้วมีนักท่องเที่ยวระดับพรีเมียมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่นำรายได้มาสู่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และย่านบันเทิงชั้นนำในเมืองหลวง
กรุงเทพมหานครเป็นที่ตั้งของโรงแรมหรูหลายแห่งที่พร้อมให้บริการพื้นที่หรูหราเหล่านี้ เช่น Capella Bangkok, Waldorf Astoria Bangkok และ Four Seasons Bangkok ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งล้วนเป็นตัวเลือกระดับ 5 ดาว
บริการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในไทยก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน โรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ หลายแห่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ พร้อมให้บริการคุณภาพเยี่ยมและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเฉพาะทางหรือแม้แต่ล่ามแปลภาษา
3. การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานคร - การลงทุนในทรัพย์สิน
การลงทุนอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ เป็นแหล่งสร้างกำไรอีกแห่ง ซึ่งผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจหลายครั้งมาแล้ว แม้ ผลตอบแทนที่แข็งแกร่งสำหรับนักลงทุนจะตกลงช่วงโควิด แต่ตลาดก็กำลังฟื้นตัวกลับมาอย่างน่าพอใจ ทำให้การลงทุนอสังหาฯ ในเมืองหลวงยังคงน่าสนใจอย่างยิ่ง
ในปี 2566 มูลค่าซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั่วประเทศ เพิ่มขึ้น 26% รวมเป็นมูลค่า 22.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในกรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียว ราคาบ้านเพิ่มขึ้น 4.1% ราคาคอนโดเพิ่มขึ้น 4.8% ราคาทาวน์เฮ้าส์เพิ่มขึ้น 3.7% และราคาที่ดินก็เพิ่มขึ้น 3.8% เช่นกัน
เนื่องจากชาวต่างชาติถูกจำกัดสิทธิในการถือครองที่ดินในไทย ทำให้คอนโดฯ เป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับนักลงทุนจากนอกประเทศที่ ต้องการซื้ออสังหาฯ ในกรุงเทพฯ เพราะสามารถเป็นเจ้าของได้ 100% ตามกฎหมายอาคารชุด ปี 2551
ทําเลไหนที่ดีที่สุดสําหรับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานคร?
กรุงเทพฯ มีทำเลหลายแห่งที่มีความปลอดภัย ตัวเลือกความบันเทิง การเดินทางสะดวก และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พื้นที่ที่คาดหวังผลตอบแทนสูงจากการเพิ่มขึ้นของ มูลค่าที่ดิน มีดังนี้:
1. ใจกลางกรุงเทพมหานคร
ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมหลายเขต เช่น พระโขนง วัฒนา และคลองเตย -โดยวัฒนาและคลองเตยเคยเป็นเขตเดียวกันมาก่อน แต่แยกออกจากกันในปี 2541 เพื่อให้บริการประชาชนได้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบันมีถนนสุขุมวิทที่โด่งดังแบ่งเขตทั้งสอง
เขตใจกลางเมืองแหล่งนี้ ขึ้นชื่อเรื่องห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ เช่น เอ็มควอเทียร์ ดิคอมมอนส์ ดิเอ็มโพเรียม และเกตเวย์ เอกมัย นอกจากนี้ยังมีสถานบันเทิงยามค่ำคืนและสถานทูตต่างประเทศต่างๆ เช่น นอร์เวย์ จีน และอินเดีย
พื้นที่นี้เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิทที่ตัดผ่านใจกลาง และมีรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินที่มีสถานีหลายแห่งเช่นกัน
สรุปข้อมูลเกี่ยวกับใจกลางกรุงเทพมหานคร
ลักษณะเฉพาะ | ข้อดี | ข้อเสีย | มูลค่าที่ดินในปี 2566 |
ประชากรต่างชาติจำนวนมาก พร้อมทั้งมีคอนโดระดับสูงและระดับกลางให้เลือกหลากหลาย | ทำเลที่สะดวกสบาย มีการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ มีตัวเลือกสถานบันเทิงและแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนมากมาย | ราคาอสังหาริมทรัพย์สูงและค่าครองชีพโดยทั่วไปสูง | 230,000-750,000 บาท/ตารางวา ตลอดแนวถนนสุขุมวิท |
2. ลุมพินี
ลุมพินีเป็นย่านย่อยในเขตปทุมวัน โดดเด่นและมีชื่อเรื่อง สวนลุมพินี- สวนสาธารณะอันเขียวชอุ่มล้อมรอบทะเลสาบจำลอง ซึ่งดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติจากทั่วเมืองมาพักผ่อน โดยรอบสวนมีคอนโดหรูและสถานทูตชั้นนำ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ตั้งอยู่ไม่ไกล
นอกจากพื้นที่สีเขียวแล้ว ลุมพินียังเชื่อมต่อกับห้างดังอย่าง เซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน และเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ รวมถึงมีสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง (BTS สายสีลม) และสถานีรถไฟใต้ดินลุมพินีและสีลม (สายสีน้ำเงิน) ให้บริการอย่างสะดวกสบาย
สรุปข้อมูลเกี่ยวกับย่านลุมพีนี
ลักษณะเฉพาะ | ข้อดี | ข้อเสีย | มูลค่าที่ดินในปี 2566 |
พื้นที่สีเขียวในเมืองที่สวยงามพร้อมทะเลสาบเทียม มีคอนโดหรูและแหล่งช้อปปิ้งอยู่ใกล้เคียง | มีความปลอดภัยในระดับสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ | ราคาอสังหาริมทรัพย์สูง | 1,000,000 บาท/ตารางวา ตลอดแนวถนนวิทยุ |
3. สาทร
สาทรเป็น ศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ มีร้านอาหารและโรงแรมหรู พร้อมตัวเลือกสันทนาการมากมาย และยังมีอสังหาฯ ระดับไฮเอนด์ที่คาดหวังผลตอบแทนจากการเพิ่มค่าได้อีกด้วย
ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องร้านอาหารชั้นเลิศ มีทั้งระดับมิชลินสตาร์และร้านอาหารบนดาดฟ้าหลายแห่ง นอกจากนี้ยังเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอย่างวัดและโรงเรียนสอนทำอาหารบลู เอเลเฟ่นท์ ได้อย่างสะดวก ผ่านรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีลม ที่เชื่อมต่อกับส่วนอื่นๆ ของเมืองได้ง่ายดาย
สรุปข้อมูลเกี่ยวกับย่านสาทร
ลักษณะเฉพาะ | ข้อดี | ข้อเสีย | มูลค่าที่ดินในปี 2566 |
ศูนย์กลางธุรกิจ ออฟฟิศ ในกรุงเทพฯ พร้อมอสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัยและโรงแรมระดับไฮเอนด์มากมาย | ร้านอาหารหรู คอนโดมิเนียมหรู ทางเลือกการเดินทางที่สะดวกสบาย | ราคาอสังหาริมทรัพย์สูง และการจราจรคับคั่ง | 450,000-800,000 บาท/ตารางวา ตลอดแนวถนนสาทร |
4. ริมแม่น้ำ
พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทำเลย่าน ถนนเจริญกรุงและเจริญนครนคร เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ย่านช้อปปิ้งและความบันเทิงริมน้ำที่เต็มไปด้วยเสน่ห์
บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างผ่อนคลายเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ ของเมือง แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าพักในโรงแรมต่างๆ ที่มีอยู่หลายแห่งในแต่ละปี อย่างไรก็ตาม ทางเลือกในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะค่อนข้างจำกัด มีเพียงรถเมล์และเรือข้ามฟากให้บริการเท่านั้น
สรุปข้อมูลเกี่ยวกับย่านริมแม่น้ำ
ลักษณะเฉพาะ | ข้อดี | ข้อเสีย | มูลค่าที่ดินในปี 2566 |
บรรยากาศผ่อนคลายพร้อมทัศนียภาพที่งดงามของลุ่มแม่น้ำโดยรอบ | บรรยากาศเงียบสงบ สภาพแวดล้อม วิวที่สวยงาม | การคมนาคมขนส่งสาธารณะจำกัดเล็กน้อย | 750,000-1,000,000 บาท/ตารางวา ตลอดแนวถนน สีลม |
ถ้าคุณกำลังมองหาการเริ่มต้นการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพอยู่ ติดต่อผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จาก PropertySights Real Estate วันนี้และรับคำแนะนำเกี่ยวกับตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ